ผัดไทยจะอร่อยหรือไม่อร่อย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาหรือเครื่องปรุง แต่ขึ้นอยู่กับ"ความพอใจ"ของคนกิน ศิลปะไม่ได้มีขอบเขตการแบ่งแยกประเทศแบบแผนที่โลก งานศิลปะ เป็นสื่อสากล เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นการวิ่งแข่ง เรากำลังแข่งกับคนทั้งโลก ไม่ใช่แค่บ้านเรา พัฒนางานต่อไป ผมไม่หยุดนะ หยุด=ถอย

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

- วิญญาณแม่บ้าน

ต้องขอเกริ่นไว้ก่อนเลยนะคับว่า บทหนังชิ้นนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากการฝึกงานในวันแรก
ซึ่งผมไม่รู้จะคุยกับใคร ไม่มีงานอะไรตกถึงมือ (ภาษาชาวบ้าน เรียก ว่างงาน)
ผมก็เลยเก็บบรรยากาศภายในบริษัท บวกกับความเงียบเหงาในจิตใจ และใส่จินตนาการเข้าไปอีกนิด
เพื่อสร้างสีสันให้กับบทหนังเรื่องนี้


Title: วิญญาณแม่บ้าน
Time: 10 - 15 minutes

           นักศึกษาฝึกงาน ณ บริษัทแห่งหนึ่งเคยเล่าประสบการณ์ให้ผมฟังว่า ที่ๆเขาฝึกอยู่นั้นในช่วงเวลาปกติก็คือบริษัทธรรมดาทั่วๆไป แต่ตกเที่ยงทีไรความวังเวงจะเริ่มขยายความน่ากลัวเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น  จนทำให้เป็นเรื่องเล่าปากต่อปากมาว่า...
เช้าวันจันทร์ผมเข้าที่ทำงานเป็นวันแรก ผมรู้สึกตื่นเต้นมากและไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเมื่ออยู่ที่ทำงาน  ผมเข้างานตอนเก้าโมงเช้า ผู้คนยังไม่มากเท่าไหร่นัก เพราะโดยปกติจะเข้างานกันสิบโมงเช้าซะส่วนใหญ่ ดังนั้นความเงียบตอนเก้าโมงเช้าจึงเป็นเรื่องปกติ ผมนั่งทำงานไปได้สักพักผู้คนก็เริ่มเข้างานกันมากขึ้น เสียงจากเดิมที่เงียบสนิทแปรเปลี่ยนเป็นพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็นั่งทำงาน  บ้างก็นั่งฟังเพลง ซึ่งดูมีความสุขดี ในระยะเวลาสามชั่วโมงก่อนเที่ยงผมได้เจอกับพี่ๆที่ทำงานหลายคน ทุกคนเฮฮาสนุกสนาน ร่วมพูดคุยกับผมก่อนที่จะแยกย้ายไปทำงานของแต่ละคน  เวลาล่วงมาจนเกือบเที่ยง ต่างคนก็ต่างออกไปกินข้าว ชีวิตตอนเที่ยงในลิฟท์เป็นอะไรที่แออัดมาก เพราะแต่ละคนจะแย่งเพื่อไปจองที่ ณ ร้านอาหารประจำของตัวเอง แต่ผมเป็นพวกที่ค่อยเป็นค่อยไปจึงอดกินข้าวเพราะที่นั่งในร้านเต็มหมด สิ่งที่ผมทำได้ก็เพียงเข้าเซเว่นซื้อนมขนมปังกินเท่านั้น  ผมอยากบอกว่าตอนเที่ยงวันเป็นอะไรที่ร้อนมาก ผมจึงคิดว่ากลับออฟฟิตน่าจะดีกว่า
ซึ่งในขณะที่ผมเดินเข้าตัวอาคาร ผมรู้สึกถึงความวังเวงได้ เพราะผู้คนหายไปหมด ผมเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานได้สักพัก ก็เริ่มรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ในขณะที่ผมย่างก้าวออกจากห้อง เศษกระดาษหล่นเต็มพื้นไปหมด ผมเริ่มรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งเดินเศษกระดาษก็ยิ่งเยอะขึ้นเยอะขึ้นจนผมไม่แน่ใจว่านี่มันเกิดอะไรกันแน่ ความแปลกใจยังไม่ทันหาย ผมก็ต้องมาหยุดชะงักที่หน้าห้องน้ำ เพราะเบื้องหน้าผมนั้นสภาพเก่ามากใกล้พัง ซึ่งผิดจากเมื่อเช้าที่ยังดูใหม่อยู่ ผมเปิดประตูเข้าห้องน้ำด้วยความที่ปวดมากจึงไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบข้าง ในขนะที่ผมยืนฉี่อยู่ในห้อง ผมก็รู้สึกเหมือนมีน้ำหยดลงที่
หัวผมจนมากพอที่จะไหลลงมาที่หน้าผม ผมจึงเงยหน้ามองไปที่เพดานห้องน้ำและต้องไม่เชื่อกับสายตาตัวเอง เพราะภาพที่ผมเห็นนั้นคือร่างผู้หญิงวัยประมาณยี่สิบเจ็ดผูกคอตาย ผมตกใจมากจึงรีบออกจากห้องนั้นทันที แต่ร่างนั้นก็ยังไม่วายที่จะหันมาจ้องหน้าผม มันทำให้ผมกลัวมากยิ่งขึ้นเพราะเกิดมาในชีวิตยังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ผมถอยหลังไปติดผนังห้องน้ำ ตาก็ยังค้างอยู่กับร่างไร้วิญญาณ และทันใดนั้นร่างของเธอก็ตกลงมา มันยิ่งทำให้ผมกลัวหนักขึ้นไปอีก
ผมกลัวจนต้องทรุดตัวลงที่มุมห้อง ใช้มือปิดตา ปากร้องลั่น ตัวสั่น กลัวไปหมด และทันใดนั่น ก็มีเสียงเรียกผม “น้อง น้อง”
ผมเงยหน้ามองยิ่งทำให้ผมยิ่งตกใจจนแทบจะบ้าตายเพราะเสียงที่เรียกผมคือร่างผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง ผมก้มหน้าก้มตาร้องลั้น และทันใดนั้นผมรู้สึกเหมือนมีมือมาจับที่แขนผม แล้วเรียก “น้อง น้อง” เป็นอะไร ผมจึงเงยหน้าขึ้นปรากฏว่าเป็นพี่ที่ทำงานด้วยกัน ผมจึงบอกพี่ไปว่าผมเจอผีพร้อมกับชี้นิ้วไปทางที่ห้องน้ำห้องนั้น ก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า
พี่จึงหัวเราะพร้อมกับเดินไปล้างมือและบอกว่าผมตาฝาดแล้วหละ ดังนั้นผมจึงค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับความอุ่นใจที่มีพี่อยู่ด้วยซึ่งผมคิดว่ามันจบแล้ว แต่มันยังไม่จบก็เพราะไฟที่เปิดอยู่กลับมืดลงอย่างรวดเร็ว ผมรีบควานหาสวิทซ์ไฟตรงประตูทางเข้าพร้อมกับรีบเปิดมันขึ้น และสิ่งที่ผมเจอนั้นก็คือร่างของผู้หญิงคนนั้นพุ่งเข้าหาผมอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ทันตั้งตัว
และทุกอย่างก็มืดสนิท.  จบ


กล้อง – เปิดเรื่องที่ห้องพักของตัวเอง (ถ่ายกล้องต่ำระดับสายตา) ไม่เห็นหน้าตา (ลึกลับ)
ตัวละคร – แต่งตัวเตรียมเข้าที่ทำงาน แล้วออกจากห้องไป (เสียงพากษ์เล่าเรื่องราว)
กล้อง – เก็บภาพความวุ่นวาย (รถติด คนเดินแออัด ความเบียดเสียด)

[ [  เนื้อเรื่องทั้งหมดอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ SunnYFMmax  ] ]

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More